ปภังกร ก้าวสู่ฝันคว้าแชมป์เมเจอร์

"โปรเหมียว" ปภังกร ธวัชธนกิจ สร้างชื่อเสียงให้กับวงการกีฬาไทยเมื่อเธอโชว์ฟอร์มร้อนแรงนำตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันสุดท้ายโดยทำ 1 อีเกิ้ล 2 เบอร์ดี้ ไม่เสียโบกี้เลยสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68 ในวันสุดท้ายกอล์ฟเอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น เมเจอร์แรกแห่งปีของกอล์ฟหญิง ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2564 สกอร์รวม 18 อันเดอร์พาร์ 270 คว้าแชมป์ไปครองชนะ ลีเดีย โปรสาวจากนิวซีแลนด์ อดีตมือ 1 ของโลก และอดีตแชมป์รายการนี้ไป 2 สโตรกกลายเป็นแชมป์แรกของเธอในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ และเป็นแชมป์เมเจอร์อีกด้วยกลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ต่อจาก "โปรเม"เอรียา จุฑานุกาล พร้อมกับรับเงินรางวัลไปราว 14.5 ล้านบาท

การแข่งขันกอล์ฟเอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น เมเจอร์แรกแห่งปีของกอล์ฟหญิง ที่มิซชั่น ฮิลล์ คันทรี่ คลับ ไดนาห์ ชอร์ ทัวร์นาเมนท์ คอร์ส พาร์ 72 เมืองแรนโช มิราจ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 1-4 เมษายน 2564 เงินรางวัลรวม 3.1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 97 ล้านบาท ซึ่ง"โปรเหมียว" ปภังกร ธวัชธนกิจ โปรวัย 21 ปี จากประเทศไทยรุกกี้ของทัวร์นำเดี่ยวมาตั้งแต่วันแรก และเข้าสู่วันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน นั้น เธอนำอันดับ 2 ร่วมอยู่ 5 สโตก

ปภังกร เล่นกลุ่มสุดท้ายออกสตาร์ทด้วยอีเกิ้ลหลุม 2 พาร์ 5 ก่อนจะทำเบอร์ดี้หลุม 8 พาร์ 3 และ หลุม 12 พาร์ 4 จากนั้นทำพาร์รวดโดยไม่เสียโบกี้เลยสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวมสี่วัน 18 อันเดอร์พาร์ 270 คว้าแชมป์ไปครองชนะ ลีเดีย  โค โปรจากนิวซีแลนด์ อันดับ 2 ไป 2 สโตรก นับเป็นแชมป์แรกของในการเล่นแอลพีจีเอ ทัวร์ และแชมป์เมเจอร์แรกอีกด้วย แต่เป็นแชมป์ที่ 4 ในการเล่นอาชีพหลังจากทำได้ในซีเมทรา ทัวร์ 3 รายการ และรับเงินรางวัลจากแชมป์ครั้งนี้ไป 465,000 ดอลลาร์ หรือราว 14.5 ล้านบาท

นักกอล์ฟสาววัย 21 ปี เผยหลังการคว้าแชมป์ ว่า"เหมียว ไม่มองลีดเดอร์บอร์ดเลย เหมียวไม่สนใจหรอกว่าใครจะทำอะไรอยุ่เล่นอย่างไร เหมียวแค่ต้องการมุ่งมั่นกับการเล่นของตัวเอง แล้วตอนนี้ก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหมียวเพิ่งจะอายุครบ 21 ปี เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เหมียวเป็นแชมป์เมเจอร์ในการเล่นฐานะรุกกี้ของเหมียวซึ่งมันก็ทึ่งไม่น้อย"

โปรเหมียว กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ต่อจาก "โปรเม"เอรียา จุฑานุกาล ที่เคยคว้าแชมป์วีเมนส์ โอเพ่น ปี 2016 และแชมป์ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น ปี 2018 และเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 4 ที่คว้าแชมป์อาชีพในแอลพีจีเอ ทัวร์ร่วมกับ เอรียา(10) "โปรโม"โมรียา จุฑานุกาล (1) และโปรจัสมิน สุวัณณะปุระ (2) นานาชาติคนที่6 ติด่อต่อกันที่คว้าแชมป์ในรายการนี้ และเธอกลายเป็นนักกอล์ฟรุกกี้คนแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ตั้งแต่ จูลี่ อิงคสเตอร์ โปรชาวอเมริกันคว้าแชมป์ เมื่อปี 1984 และเป็นนักกอล์ฟคนที่ 4 ติดต่อกันที่คว้าแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกตัวเองต่อจาก โซเฟีย โปปอฟ (เยอรมัน) แชมป์วีเมนส์ โอเพ่น ปี 2020 อี มีริม (เกาหลีใต้) แชมป์เอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น 2020 และ คิม อา-ริม (เกาหลีใต้) แชมป์ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น 2020 

ปภังกร ซึ่งทำสกอร์ 14 อันเดอร์เท่ากับสถิติสกอร์ต่ำที่สุด 54 หลุมของ แพร์นิลล่า ลินด์แบร์จ จากสวีเดนแชมป์ ปี 2018 และการทำสกอร์ 18 อันเดอร์พาร์ กับการคว้าแชมป์ครั้งนี้เกือบเท่ากับสถิติสกอร์รวมต่ำของ ดอตตี้ เพพเพอร์ จากสหรัฐอเมริกาทำเอาไว้ 19 อันเดอร์พาร์ เมื่อปี 1999 

สำหรับผลการเล่นกอล์ฟอาชีพของ ปภังกร นั้นคว้าแชมป์คว้า 3 แชมป์ในซีเมทรา ทัวร์ ปี 2019 พร้อมกับคว้ารางวัลรุกกี้แห่งปี และเคยครองความยิ่งใหญ่ในระดับสมัครเล่นคว้า 7 แชมป์ ขณะที่แข่งขันกอล์ฟมหาวิทยาลัยให้กับยูซีแอลเอ ช่วง 2 ฤดูกาลก่อนจะออกมาเทิร์นโปร 

คุณแม่ทิพยรัตน์ และคุณพ่อธนธัช  เผยถึงความรู้สึกหลังจากลูกสาวคว้าแชมป์ว่า"ดีใจมากๆ และภูมิใจกับลูกมากเพราะในที่สุดน้องก็ทำได้หลังจากที่มุ่งมั่นอย่างมากเขาต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองโดยมีไอเอ็มจีให้คำแนะ ทางแม่และพ่อไม่ได้ไปกับลูกตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะปัญหาเรื่องโควิด-19 และความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่แค่ตัวน้อง และครอบครัวเราเท่านั้นแต่มันคือความภาคูมิใจของคนไทยทั้งประเทศที่นักกีฬาไทยทำได้ในเวทีโลก"

ลีเดีย โค โปรสาวเชื้อสายเกาหลี จากนิวซีแลนด์ อดีตมือ 1 ของโลก และแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2016 สุดฮ็อตในวันสุดท้ายทำ 8 เบอร์ดี้ 1 อีเกิ้ล โดยไม่เสียโบกี้เลยสกอร์ 10 อันเดอร์พาร์ 62 สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ 272 จบลงอันดับ 2 ตามหลัง ปภังกร 2 สโตรก และการทำสกอร์ 62 นี้เท่ากับสถิติสกอร์ต่ำที่สุดต่อรอบของรายการนี้ของ ลอเรน่ โอโชอา โปรจากเม็กซิโกเคยทำเอาไว้เมื่อปี 2006 

คิม เซ-ยอง จากกเกาหลีใต้ ทำสกอร์ 66 จบลงอันดับ 3 ร่วมสกอร์รวม 11 อันเดอร์พาร์ 277 เท่ากับ เนลลี่ คอร์ด้า จากสหรัฐอเมริกา สกอร์ 66 นันนา เคิร์ต มาดเซ่น จากเดนมาร์กสกอร์ 66 และฝง ซานซาน จากจีน 69 

โค จิน-ยอง โปรจากเกาหลีใต้ มือ 1 ของโลก แชมป์รายการนี้ เมื่อปี 2019 ทำสกอร์ 68 สกอร์รวมสี่วัน 10 อันเดอร์พาร์ 278 จบลงอันดับ 7 ร่วมกับ พัค อินบี รุ่นพี่จากเกาหลีใต้อดีตแชมป์อีกคนทำสกอร์ 69 และแอลลี อีวิ่ง จากสหรัฐอเมริกาสกอร์ 71

นักกอล์ฟไทยคนอื่นๆ "โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล ทำ 4 เบอร์ดี้ เสีย 1 โบกี้ สกอร์ 3 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวมสี่วัน 9 อันเดอร์พาร์ 279 จบลงอันดับ 10 ร่วม กับ เมแกน คาง จากสหรัฐอเมริกา 67 และอี มีริม โปรสาวจากเกาหลีใต้แชมป์เมื่อปีที่แล้วสกอร์ 72 รับเงินรางวัลไปคนละ 59,333 ดอลลาร์ 1,857,716 บาท  "โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ ตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 73 สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 284 จบลงอันดับ 28 ร่วมรับเงินรางวัลไป 23,352 ดอลลาร์ หรือราว 731,151 บาท

"โปรแหวน" พรอนงค์ เพชรล้ำ ทำ 3 เบอร์ดี้ เสีย 3 โบกี้ สกอร์อีเวนพาร์ 72 สกอร์รวมสี่วันอีเวนพาร์ 288 จบลงอันดับ 50 ร่วมเท่ากับ เซลีน บูติเยร์ โปรสาวเชื้อสายไทยจากฝรั่งเศสซึ่งทำสกอร์อีเวนพาร์ 72 เช่นกัน รับเงินรางวัลไปคนละ 10,081 ดอลลาร์ หรือราว 315,636 บาท

"โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล อดีตมือ 1 ของโลก เจ้าของแชมป์อาชีพในแอลพีจีเอ ทัวร์ 10 รายการรวมทั้งแชมป์เมเจอร์ 2 รายการ ทำ 2 เบอร์ดี้ 1 อีเกิ้ล เสีย 3 โบกี้ สกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ 71 รวมสี่วัน 2 โอเวอร์พาร์ 290 จบลงอันดับ 60 ร่วม รับเงินรางวัล 7,719 ดอลลาร์ หรือราว 241,681 บาท

Photo Creditl: Gettyimages


Comments

Popular posts from this blog

อุดรนำทีมรักเอย1แชมป์โปร-แอม ซันวาร์ด ซีเนียร์ฯ ที่สนามเลกาซี่ฯ

โปรสาวลุ้นกันสนุกไทยแอลฯ 2024 ชิงกว่า 15 ล. ต่อยอดสู่เวิลด์คลาส

“ศรวิษฐ์” แชมป์ปิดท้ายไทยแลนด์ วันเดย์ ทัวร์ และครองมือหนึ่ง