ฟิตซ์แพทริก ฝันเป็นจริงแชมป์เมเจอร์แรกในชีวิตเทียบชั้นปู่แจค
แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรหนุ่มชาวอังกฤษผลงานยอดเยี่ยมทำ 2 อันเดอร์พาร์ 68 ในวันสุดท้ายกอล์ฟยูเอส โอเพ่น เมเจอร์ที่สามแห่งปีที่รัสแมสซาชูเซตต์ส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 2565 สกอร์รวมสี่วัน 6 อันเดอร์พาร์ 274 คว้าแชมป์ไปครองเฉือนชนะ สกอตติ เชฟเฟลอร์ มือ 1 ของโลก และ วิลล์ ซาลาทอริส สองโปรชาวอเมริกันไปหนึ่งสโตรกนับเป็นแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในการเล่นอาชีพพร้อมรับเงินรางวัลไปกว่า 110 ล้านบาท และทำสถิติการเป็นนักกอล์ฟคนที่สองต่อจาก แจค นิคลอส ที่คว้าแชมป์ยูเอส อเมเจอร์ และยูเอส โอเพ่น ในสนามเดียวกัน
การแข่งขันกอล์ฟยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 122 แข่งขันที่เดอะ คันทรี คลับ พาร์ 70 ชานเมืองบรู๊คไลน์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายน แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 72 หลุม 4 รอบ มีนักกอล์ฟชายร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 156 คน โดยปีนี้เพิ่มเงินรางวัลรวมอีก 5 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 12.5 ล้านไปเป็น 17.5 ล้านดอลลาร์หรือราว 612.1 ล้าน และแชมป์จะได้รับเพิ่มจากเดิม 2.25 ล้านดอลลาร์ หรือราว 79 ล้านบาทไปเป็น 3.15 ล้านดอลลาร์หรือราว 110.1 ล้านบาท นับเป็นสถิติเงินรางวัลรวมมากที่สุดจากเมเจอร์หลังจากที่เดอะ มาสเตอร์ส และ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ที่เพิ่มเงินรางวัลก่อนหน้านี้ ผ่านไปสามวันแรก แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรชาวอังกฤษ และ วิลล์ ซาลาทอริส จากสหรัฐนำร่วม
วันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 11 ชั่วโมงซึ่ง แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรหนุ่มวัย 27 ปี จากอังกฤษออกสตาร์ทนำร่วมกับ วิลล์ ซาลาทอริส โปรหนุ่มวัย 25 ปี จากสหรัฐต่างก็กำลังไล่ล่าหาแขมป์เมเจอร์ครั้งแรกในอาชีพ และ ฟิตซ์แพทริก ทำเบอร์ดี้หลุม 3 และ หลุม 5 แม้ว่าจะพลาดเสียโบกี้หลุม 6 แต่ก็กลับมาทำเบอร์ดี้หลุม 8 จากนั้นไปพลาดเสียโบกี้หลุม 10 และ 11 ก่อนจะกลับมาทำเบอร์ดี้หลุม 13 พาร์ 4 และ หลุม 15 พาร์ 4 ซึ่งหลุมนี้เขาตีด้วยเหล็ก 5 ระยะ 220 หลา จากรัฟทางขวาเข้าไปออนเพื่อพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 19 ฟุต และพัตต์ไม่พลาดขณะนั้นเขานำอยุ่สองสโตรกเมื่อเหลืออีกสามหลุมสุดท้าย
ขณะที่ วิลล์ ซาลาทอริส เริ่มต้นไม่ดีเสียโบกี้หลุม 2-3 ก่อนจะกลับมาทำเบอร์ดี้หลุม 6,7,9 และ 11 จากนั้นเสียโบกี้หลุม 12 และ 15 แล้วไปทำเบอร์ดี้หลุม 16 พาร์ 3 ทำให้เข้าสู่สองหลุมสุดท้ายตามหลัง ฟิตซืแพทริก ผู้นำอยู่สโตรกเดียวยังมีลุ้นสนุก
หลังจากที่ ฟิตซ์แพทริก ทำพาร์จากหลุม 16 และ 17 โดน ซาลาทอริส จี้ติดแต้มเดียวเมื่อเช้าหลุม 18 พาร์ 4 ซึ่งหลุมนี้ ฟิตซ์แพทริก เสียโบกี้ในรอบสาม แต่ครั้งนี้เขาตีช็อตสองจากแฟร์เวย์บังเกอร์ด้านซ้ายไปออนกรีนเหลือระยะพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 19 ฟุตแม้ว่าหลุดซ้ายแต่ก็เก็บพาร์ทำสกอร์ 2 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 274 และ ซาลาทอริส มีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้เพื่อเสมอไปเล่นเพลย์ออฟสโตรกเพลย์ 2 หลุม แต่โปรหนุ่มชาวอเมริกันพัตต์ระยะ 15 ฟุตหลุดปากหลุมออกซ้ายทำสกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 275 พลาดแชมป์ไปเสียดาย จบลงอันดับ 2 ร่วมกับ สกอตตี เชฟเฟลอร์ โปรมือ 1 ของโลกแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ซึ่งทำ 3 อันเดอร์พาร์ 67 นับเป็นการได้รองแชมป์ในเมเจอร์ครั้งที่สองของ ซาลาทอริส หลังจากแพ้ จัสติน โธมัส เพื่อนร่วมชาติกาาเล่นเพลย์ออฟสโตรกเพลย์สามหลุมรายการพีจีเอ แชมเปียนชิพ ปีนี้
ฟิตซ์แพทริก คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ครั้งนี้นับเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในการเล่นอาชีพของเขาพร้อมกับรับเงินรางวัลไป 3.15 ล้านดอลลาร์หรือราว 110.1 ล้านบาท พร้อมกับกลายเป็นนักกอล์ฟคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น และยูเอส อเมเจอร์ (คว้าแชมป์ที่เดอะ คันทรี คลับ เมื่อปี 2013) ในสนามเดียวกันต่อจาก แจค นิคลอส ที่เคยทำได้ที่สนามเพบเบิล บีช กอล์ฟ ลิงค์ส เมื่อปี 1961 และ 1972 และกลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 13 ที่คว้าแชมป์ทั้งสองรายการใหญ่ของยูเอสจีเอ และเป็นนักกอล์ฟต่างชาติที่ไม่ใช่อเมริกันคนแรกที่ทำได้
โปรหนุ่มจากเมืองเชฟฟิลด์ แคว้นยอร์คเชอร์ เผยหลังการคว้าแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในชีวิตว่า "ผมรักที่จะเล่นที่สนามแห่งนี้เพราะมันเหมาะกับเกมของผม และเล่นได้ดีมากสักระยะแล้ว และผมก็คิดว่าเข้ามาได้เหมาะแล้วมันก็มาลงตัวพอดีซึ่งนี่ผลลัพธ์ที่ออกมา และจุดเปลี่ยนจริงๆ อยุ่ที่หลุม 15 ที่ผมทำเบอร์ดี้ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในช็อตที่ดีที่สุดเลยล่ะมันทำให้ผมได้เปรียบก่อนจะมาคว้าแชมป์"
ซาลาทอริส กล่าวยอกย่อง ฟิตซ์แพทริก ว่า "ต้องยกให้ แมท เลยล่ะที่เขาเล่นในหลุม 18 มันอาจเป็นการโชว์การเล่นที่ยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ยูเอส โอเพ่น ผมเดินไปดูไลน์กรีน และคิดว่ามีโอกาส แต่เขาก็ไม่พลาดผมต้องให้เกียรติเขาว่าเขาเล่นดีตลอดสัปดาห์นี้"
สำหรับการคว้าแชมป์ของ ฟิตซ์แพทริก ครั้งนี้ให้เขาได้ครองถ้วยแชมป์เป็นเวลาหนึ่งปี พร้อมกับได้เหรียญเกียรติยศ แจค นิคลอส และได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันยูเอส โอเพ่น 10 ปี ได้รับสิทธิ์ร่วมแข่งขันอีก 3 เมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ส, พีจีเอ แชมเปียนชิพ และ ดิ โอเพ่น เป็นเวลา 5 ปี
ฮิเดกิ มัตซึยามะ โปรหนุ่มจากญี่ปุ่นแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2021 เรียกฟอร์มกลับมาได้ทำ 5 อันเดอร์พาร์ 65 โดยไม่เสียโบกี้เลยกลายป็นนักกอล์ฟคนแรกที่ไม่เสียโบกี้เลยในรอบสุดท้ายยูเอส โอเพ่น ตั้งแต่ อดัม สกอตต์ จากออสเตรเลียทำที่แชมเบอร์ส เบย์เมื่อปี 2015 และสกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 277 จบลงอันดับ 4 นับเป็นผลงานดีที่สุดของนักกอล์ฟเอเชีย
คอลลิน โมริคาวะ โปรชาวอเมริกันแชมป์เมเจอร์สองรายการผู้นำร่วมหลังวันที่สองทำสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 66 สกอร์รวม 2 อันเดอร์พาร์ 278 จบอันดับ 5 ร่วมกับ รอรี แมคอิลรอย โปรจากไอร์แลนด์เหนือแชมป์ปี 2011 ซึ่งทำ 1 อันเดอร์พาร์ 69
ในขณะที่ จอน ราห์ม โปรหนุ่มชาวสเปนแชมป์เมื่อปีที่แล้วพลาดตีเกิน 4 โอเวอร์พาร์ 74 จบลงอันดับ 12 ร่วมสกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ 281
ส่วนนักกอล์ฟผ่านการเล่นรอบคัดเลือกเข้ามา 3 คนอย่าง เดนนี แมคคาร์ธี จากสหรัฐ อดัม แฮดวิน จากแคนาดา อันดับ 7 ร่วม และ โจเอล ดาห์เน จากสหรัฐ อันดับ 10 ร่วมจบลงใน 10 อันดับแรกได้สิทธิ์กลับไปร่วมแข่งขันยูเอส โอเพ่น ปีหน้าที่ลอสแอนเจลีส
รางวัลนักกอล์ฟสมัครเล่นดีที่สุด (low amateur) เป็นของ เทรวิส วิค จากสหรัฐทำสกอร์รวม 8 โอเวอร์พาร์ 288 (70-69-76-73) จบลงอันดับ 43 ร่วม
อันดับคะแนนหลังจบวันสุดท้าย
1.(-6) 274-แมทธิว ฟิตซ์แพทริก (อังกฤษ) 68-70-68-68
2.(-5) 275-สกอตตี เชฟเฟลอร์ (สหรัฐ) 70-67-71-67, วิลล์ ซาลาทอริส (สหรัฐ) 69-70-67-69
4.(-3) 277-ฮิเดกิ มัตซึยามะ (ญี่ปุ่น) 70-70-72-65
5.(-2) 278-คอลลิน โมริคาวะ (สหรัฐ) 69-66-77-66, รอรี แมคอิลรอย (ไอร์แลนด์เหนือ) 67-69-73-69
7.(-1) 279-เดนนี แมคคาร์ธี (สหรัฐ) 73-70-68-68, อดัม แฮดวิน (แคนาดา) 66-72-70-71, คีแกน แบรดลีย์ (สหรัฐ) 70-69-69-71
10.(E) 280-แกรี วูดแลนด์ (สหรัฐ) 69-73-69-69, โจเอล ดาห์เมน (สหรัฐ) 67-68-74-71
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.usga.org
เครดิตภาพ: USGA
Comments
Post a Comment