ซาลาทอริส-ฟิตซ์แพทริก นำร่วมลุ้นแชมป์ US Open, ราห์ม จี้ติดสโตรกเดียว
วิลล์ ซาลาทอริส โปรหนุ่มชาวอเมริกัน และ แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรชาวอังกฤษขึ้นนำร่วมกอล์ฟยูเอส โอเพ่น เมเจอร์ที่สามแห่งปีที่รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากจบการแข่งขันวันที่สาม เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2565 ด้วยสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 206 ลุ้นแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในอาชีพของทั้งสองคน โดยมี จอน ราห์ม โปรชาวสเปนแชมป์เมื่อปีที่แล้วไล่จี้ติดเพียงแต้มเดียว และกลุ่มอันดับ 4 ร่วมตามหลังมาอีกแค่ 2 สโตรกเท่านั้น
การแข่งขันกอล์ฟยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 122 แข่งขันที่เดอะ คันทรี คลับ พาร์ 70 ชานเมืองบรู๊คไลน์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายน แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 72 หลุม 4 รอบ มีนักกอล์ฟชายร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 156 คน โดยปีนี้เพิ่มเงินรางวัลรวมอีก 5 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 12.5 ล้านไปเป็น 17.5 ล้านดอลลาร์หรือราว 612.1 ล้าน และแชมป์จะได้รับเพิ่มจากเดิม 2.25 ล้านดอลลาร์ หรือราว 79 ล้านบาทไปเป็น 3.15 ล้านดอลลาร์หรือราว 110.1 ล้านบาท นับเป็นสถิติเงินรางวัลรวมมากที่สุดจากเมเจอร์หลังจากที่เดอะ มาสเตอร์ส และ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ที่เพิ่มเงินรางวัลก่อนหน้านี้
วันที่สามของการแข่งขัน เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น มีนักกอล์ฟผ่านตัดตัวเข้าไปเล่นในสองวันสุดท้าย 64 คน หลังจากการตัดตัวผู้เล่นในรอบที่สอง ผู้นำมีการเปลี่ยนแปลงโดยที่ วิลล์ ซาลาทอริส จากสหรัฐ และ แมทธิว ฟิตซ์แพทริก จากอังกฤษขึ้นไปนำร่วม
วิลล์ ซาลาทอริส โปรหนุ่มวัย 25 ปี จากปลาโน รัฐเท็กซัส ออกสตาร์ทในวันที่สามทำ 3 เบอร์ดี้ เสีย 1 โบกี้ใน 9 หลุมแรกก่อนจะทำเพิ่มอีก 1 เบอร์ดี้ใน 9 หลุมหลัง สกอร์จบลง 3 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสามวัน 4 อันเดอร์พาร์ 206 ขึ้นรั้งผู้นำร่วมกับ แม็ทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรชาวอังกฤษ
ซาลาทอริส เล่นในรายการเมเจอร์เพียงครั้งที่ 9 เท่านั้น และเป็นครั้งที่ 4 ในรายการยูเอส โอเพ่น โดยสามครั้งแรกผ่านการตัดตัวเพียงครั้งเดียว ซึ่งจบลงอันดับ 6 ร่วมในปี 2020 ในขณะที่สถิติการเล่นเมเจอร์ดีที่สุดนั้น จบในอันดับ 2 เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2021 และ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ในปีนี้ รวมแล้วเขาจบลงใน 10 อันดับแรกของรายการเมเจอร์มากถึง 5 ครั้ง
วิลล์ ซาลาทอริส เผยหลังการเล่นวันที่สามว่า "วันนี้สิ่งสำคัญในการเล่นคือการเล่นอย่างมีระเบียบวินัย เมื่อเล่นผิดพลาดก็หวังอย่างน้อยก็เข้าไปชิพให้เหลือระยะสัก 8, 10 ฟุต ส่วนสนามนี้เคยเล่นเมื่อตอนเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น ในปี 2013 ผมคิดว่ามันเป็นสนามที่ยากมากเท่าที่ผมเคยเล่นมา ดังนั้นจึงมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย แต่ในการเล่นเมเจอร์จะต้องพลาดน้อยที่สุด และผมก็หวังว่ารอบสุดท้าย ผมคงต้องแบกรับภาระหนักอึ้งในฐานะผู้นำในรายการเมเจอร์ ตอนนี้ผมคิดแค่ผมต้องทำอะไรต้องออนกรีน และต้องพลาดน้อยที่สุด และผมเคยมีโอกาสแบบนี้หลายครั้งแต่ทำไม่ได้ ดังนั้นผมก็หวังว่าพรุ่งนี้ผมจะทำได้"
ทั้งนี้ นักกอล์ฟหนุ่มจากเท็กซัส ยังไม่เคยคว้าแชมป์อาชีพในพีจีเอ ทัวร์ และเคยคว้าแชมป์รายการของสมาคมกอล์ฟสหรัฐมาแล้ว เมื่อตอนเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น ในรายการยูเอส จูเนียร์ อเมเจอร์ เมื่อปี 2014 และยังเคยร่วมทีมสหรัฐชุดคว้าแชมป์ทีมวอล์คเกอร์ คัพ ในปี 2017
ทางด้านของผู้นำร่วม ฟิตซ์แพทริก โปรหนุ่มวัย 27 ปี จากเมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษลงแข่งขันรายการยูเอส โอเพ่น เป็นครั้งที่ 8 สำหรับผลงานในรอบที่สาม ทำ 5 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ สกอร์ 2 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 206
โปรหนุ่มจากอังกฤษ เผยหลังการเล่นวันที่สามว่า "วันนี้ผมเริ่มเน้นตั้งแต่ทีออฟ สนามนี้ต้องทำได้ดีในช็อตรอบๆ กรีน ไม่สามารถผิดพลาดได้เลย และหากจะมองย้อนกลับไปเปรียบเทียบฟอร์มที่เล่นในพีจีเอ ทัวร์ก่อนหน้านี้ผมยังเล่นได้ไม่ดีที่สุด ทำให้ตอนนั้นผมพลาดไปเล่นเพลย์ออฟแค่สองสโตรก และการเล่นนี่ลมค่อนข้างแรง การที่สามารถทำผลงานออกมาอย่างนี้ก็ถือว่าดีแล้ว"
สถิติการเล่นของ ฟิตซ์แพทริกในรายการยูเอส โอเพ่น ที่ผ่านมานั้น จบลงในอันดับ 12 ร่วมเมื่อปี 2018 และ 2019 ส่วนเมเจอร์อื่นๆ ดีที่สุดอันดับ 5 ร่วมพีจีเอ แชมเปียนชิพ เมื่อปี 2002 อันดับ 7 ร่วมเดอะ มาสเตอร์ส เมื่อปี 2016 อันดับ 20 ร่วมดิ โอเพ่น ปี 2019
ขณะที่ จอน ราห์ม โปรวัย 27 ปี จากสเปน มือ 2 ของโลกแชมป์คนล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 71 หลังจากไปพลาดเสียดับเบิ้ลโบกี้หลุมสุดท้าย สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 207 รั้งอันดับ 3 ตามหลังผู้นำร่วมแค่สโตรกเดียว หากเขาสามารถคว้าแชมป์ในรายการยูเอส โอเพ่น ครั้งนี้ได้ เขาจะกลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 8 ที่สามารถป้องกันแชมป์ได้ในประวัติศาสต์ยูเอส โอเพ่น
สำหรับกลุ่มตามหลังในรอบที่สาม อันดับ 4 ร่วมมี คีแกน แบรดลีย์ โปรชาวอเมริกัน แชมป์เมเจอร์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ปี 2011 ทำสกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ 69 อดัม แฮดวิน โปรจากแคนาดาผู้นำหลังวันที่สองสกอร์ 70 และ สกอตตี เชฟเฟลอร์ โปรชาวอเมริกันมือ 1 ของโลกแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส คนล่าสุด สกอร์ 71 สกอร์รวม 2 อันเดอร์พาร์ 208 ตามหลังผู้นำร่วมอยู่แค่ 2 สโตรก
หากเชฟเฟลอร์ คว้าแชมป์ในสัปดาห์นี้ เขาจะกลายเป็นนักกอล์ฟที่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น และ ยูเอส จูเนียร์ อเมเจอร์ แชมเปียนชิพ เช่นเดียวกับ จอห์นนี มิลเลอร์ ไทเกอร์ วู้ดส์ และ จอร์แดน สปีธ ที่เคยทำได้
อันดับคะแนนหลังจบวันที่สาม
1.(-4) 206-วิลล์ ซาลาทอริส (สหรัฐ) 69-70-67, แมทธิว ฟิตซ์แพทริก (อังกฤษ) 68-70-68
3.(-3) 207-จอน ราห์ม (สเปน) 69-67-71
4.(-2) 208-คีแกน แบรดลีย์ (สหรัฐ) 70-69-69, อดัม แฮดวิน (แคนาดา) 66-72-70, สกอตตี เชฟเฟลอร์ (สหรัฐ) 70-67-71
7.(-1) 209-แซม เบิร์นส์ (สหรัฐ) 71-67-71, รอรี แม็คอิลรอย (ไอร์แลนด์เหนือ) 67-69-73, โจเอล ดาห์เมน (สหรัฐ) 67-68-74
10.(E) 210-นิค ฮาร์ดิง (สหรัฐ) 69-68-73
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.usga.org
เครดิตภาพ: USGA
Comments
Post a Comment