เชฟเฟลอร์ สร้างประวัติศาสตร์–แม็คอินไทร์ คว้าชัยชนะแรก-เดอแชมโบ ซิวแชมป์ยูเอส โอเพ่น สมัยที่สอง

 

สถิติที่น่าสนใจพีจีเอเดือนมิถุนายนมีเหตุการณ์สำคัญ ๆ ทั้ง สกอตตี เชฟเฟลอร์ สร้างประวัติศาสตร์เกิดขึ้นอีก ขณะที่ โรเบิร์ต แม็คอินไทร์ โปรหนุ่มชาวสกอตติชก้าวสู่ฝันคว้าแชมป์รายการแรกในการเล่นอาชีพพีจีเอ ทัวร์ ซึ่งเขาทำได้ที่ประเทศแคนาดา และ ไบรซัน เดอแชมโบ โปรหนุ่มชาวอเมริกันพลิกฟอร์มกลับไปคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น เป็นสมัยที่สอง

 


“เชฟเฟลอร์” คว้าชัย เมมโมเรียล ทัวร์นาเมนท์

สกอตตี เชฟเฟลอร์ แชมป์เดอะ เมมโมเรียล ทัวร์นาเมนท์ (Photo Credit: Getty Images

สกอตตี เชฟเฟลอร์ ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ หลังเอาชนะคู่แข่ง 1 สโตรก คว้าแชมป์เดอะ เมโมเรียล ทัวร์นาเมนต์ พรีเซนเต็ดบาย เวิร์คเดย์ ที่สนามเมียร์ฟิลด์ วิลเลจ บ้านของแจ็ค นิคลอส  ผลงานดังกล่าวทำให้เชฟเฟลอร์ และอาร์โนลด์ พาลเมอร์ (ทำได้ปี 1960 และ 1962) เป็นผู้เล่นเพียงสองคนนับตั้งแต่ปี 1950 ที่คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ได้ 5 ครั้ง ก่อนเข้าสู่การแข่งขัน ยูเอส โอเพ่น ซึ่งรวมรายการเมเจอร์ด้วย 


ชัยชนะที่สนามเมียร์ฟิลด์ วิลเลจ นับเป็นแชมป์รายการที่ 5 ของเชฟเฟลอร์ ในการลงเล่น 8 รายการหลังสุด และที่น่าสังเกตคือ 2 ใน 3 รายการที่เหลือเขาได้อันดับสองร่วม และเมื่อดูจากสถิติในการลงแข่งขัน 13 รายการในปีนี้  โปรกอล์ฟมือหนึ่งของโลกจบผลงานนอกเหนือ 10 อันดับแรกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นคืออันดับ 17 ร่วมในรายการดิ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส   


ในการแข่งขันสนามนี้ เชฟเฟลอร์ มีสถิติ Strokes Gained: Approach the Green อยู่ที่ 12.96 ช็อต ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดของตำแหน่งแชมป์รายการเมมโมเรียล ทัวร์นาเมนท์ ในระบบบันทึก ShotLink และเป็นครั้งที่ 16 ในการเล่นอาชีพที่เชฟเฟลอร์ รั้งตำแหน่งผู้นำในด้านสถิติ Strokes Gained: Tee to Green ซึ่งมากกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ ในช่วง 5 ปีหลังสุด และเหนือกว่าอันดับ 2 อย่าง รอรี่ แม็คอิลรอย และโทนี่ ฟิเนา 9 ครั้ง


การปิดฉากด้วยสกอร์ 74 ของเชฟเฟลอร์ ซึ่งเป็นสถิติการตีรอบสุดท้ายด้วยสกอร์สูงสุดของตำแหน่งแชมป์พีจีเอทัวร์ นับตั้งแต่การแข่งขันเมมโมเรียล ทัวร์นาเมนท์ ปี 2020 เมื่อครั้งที่ จอน ราห์ม ตี 3 โอเวอร์พาร์ ในวันอาทิตย์ ถือเป็นเหตุการณ์ที่หายากมากสำหรับเชฟเฟลอร์ เขาทำสกอร์ต่ำกว่าพาร์ในการแข่งขันสามวันที่เหลือ เพิ่มสถิติตีต่ำกว่าพาร์ 45 รอบจาก 51 ในปีนี้ และทำผลงานโดดเด่นเป็นพิเศษในการเล่นหลุมพาร์ 4 สุดหินที่สนามเมียร์ฟิลด์ วิลเลจ เก็บได้ 6 อันเดอร์พาร์ ดีกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ และเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของสนาม 9 สโตรก


“แม็คอินไทร์” โปร์สกอตติชคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์แรก 

โรเบิร์ต แม็คอินไทร์ Photo Credit: Getty Images

แม้จะไม่เร้าใจเท่ากับการคว้าแชมป์ของ นิค เทย์เลอร์ ที่พัตต์อีเกิ้ลจากระยะ 72 ฟุต ในการดวลเพลย์ออฟที่หลุม 4 เมื่อปีที่แล้ว แต่การผงาดคว้าแชมป์พีจีเอครั้งแรกของ โรเบิร์ต แม็คอินไทร์ ในการแข่งขันรายการ อาร์บีซี แคนาเดี้ยน โอเพ่น ก็เต็มไปความน่าประทับใจและน่าจดจำ เมื่อมีบิดา โดกี แม็คอินไทร์ มาเป็นแคดดี้แบกถุงให้ 


แม็คอินไทร์ โปรถนัดซ้ายลงแข่งขันรายการแคนาเดี้ยน โอเพน เป็นครั้งแรก และเป็นนักกอล์ฟจากสกอตแลนด์คนที่ 5 ที่คว้าแชมป์ในพีจีเอทัวร์ นับตั้งแต่ปี 1940 โดยคนล่าสุดที่ทำได้คือ มาร์ติน เลียร์ด ในรายการไชเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น 2020


การคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์แรกของแม็คอินไทร์ เกิดขึ้นในการลงเล่นรายการที่ 45 และชัยชนะดังกล่าวเป็นการจบผลงานใน 10 อันดับแรกครั้งที่ 4 ของเขาในฤดูกาลนี้ 


แม็คอินไทร์ทำได้เยี่ยมในหลุมท้ายๆ ของการแข่งขันแต่ละรอบ โดยเก็บแต้มได้ 8 อันเดอร์พาร์ ในการลงเล่นหลุมที่ 14-18 มีสถิติ Strokes Gained: Total 8.18 สโตรก และ Strokes Gained: Putting 3.30 รั้งอันดับ 1 ของสนามนี้ พัตต์รวมเฉลี่ยระยะ 101 ฟุต 1 นิ้ว ในแต่ละรอบ ซึ่งเป็นสถิติอันดับ 2 ของแชมป์พีจีเอทัวร์ในปีนี้ ขณะที่สถิติ Strokes Gained: Putting 2.80 สูงที่สุดของตำแหน่งแชมป์พีจีเอทัวร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา


“เดอแชมโบ” ครองแชมป์ยูเอส โอเพ่น สมัยที่สอง

ไบรซัน เดอแชมโบ (Photo Credit: USGA)

ไบรซัน เดอแชมโบ โปรกอล์ฟจอมตีไกลจากสหรัฐอเมริกา ประกาศศักดาคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพ่น สมัยที่สองในรอบ 4 ปี โดยเฉือนชนะรอรี แม็คอิลรอย ดาวดังจากไอร์แลนด์เหนือที่พลาดเอง ในการแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์รายการที่ 3 แห่งปี


เดอแชมโบ ซึ่งคว้าแชมป์ครั้งแรกเมื่อปี 2020 ตีได้ระยะเฉลี่ย 318.9 หลา ซึ่งเป็นระยะไดรฟ์เฉลี่ยไกลที่สุดในการแข่งขันยูเอส โอเพ่น นับตั้งแต่ปี 2017 และมีสถิติ Stroke Gained: Off the tee 4.34 รั้งอันดับ 4 ของการแข่งขันครั้งนี้


อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้ว จอมตีไกลต้องอาศัยทักษะการเล่นเกมสั้นเข้ามาช่วยในการคว้าแชมป์เมเจอร์ครั้งที่สอง เขาตีตกทรายที่หลุม 18 พาร์ 4 และตีบังเกอร์ช็อตแห่งชีวิตไปห่างปากหลุม 4 ฟุต เซฟพาร์คว้าชัยสำเร็จ และเป็นนักกอล์ฟเพียงคนเดียวที่ตกบ่อทรายด้านหน้ากรีนหลุม 18 แล้วสามารถเซฟพาร์ได้ตลอดสัปดาห์ของการแข่งขันยูเอส โอเพ่น ครั้งนี้  เดอแชมโบปิดฉากรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ 71 เอาชนะแม็คอิลรอยที่ตี 69 ไปเพียงสโตรกเดียว ด้วยสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 274 โดยแม็คอิลรอย มาพลาดเสีย 2 โบกี้ใน 3 หลุมสุดท้าย


“เชฟเฟลอร์” ชนะเพลย์ออฟคว้าแชมป์ทราเวเลอร์สอีกครั้ง

 เชฟเฟลอร์ (ขวา) ชนะ ทอม คิม ในการเล่นเพลย์ออฟ (Photo Credit: Getty Images)

วงการกีฬากอล์ฟโลกใกล้จะหมดคำบรรยายสำหรับฤดูกาลที่มหัศจรรรย์ของ สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ที่ส่งท้ายเดือนมิถุนายนด้วยการคว้าแชมป์รายการที่ 6 ของปีในการแข่งขัน ทราเวเลอร์ส แชมเปี้ยนชิพ ณ สนามทีพีซี ริเวอร์ ไฮแลนด์ส โดยเอาชนะ ทอม คิม หรือ คิม จู-ฮยองจากเกาหลีใต้ ในการดวลเพลย์ออฟ หลังจากทำสกอร์รวมสี่วันเท่ากันที่ 22 อันเดอร์พาร์  


ตลอดสัปดาห์ เชฟเฟลอร์ ทำสถิติกรีนออนเรกูเลชั่น คิดเป็น 88.89 เปอร์เซนต์ ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเจ้าตัวในการแข่งขันพีจีเอทัวร์ และสถิติความแม่นยำในการไดรฟ์คิดเป็น  82.14 เปอร์เซนต์ สูงสุดเป็นอันดับ 3 ในอาชีพ ขณะที่ระยะพัตต์รวมใน 9 หลุมสุดท้ายอยู่ที่ 14 ฟุต 3 นิ้ว เท่านั้น เป็นระยะรวมที่สั้นที่สุดเป็นอันดับ 4 ของตำแหน่งแชมป์พีจีเอทัวร์ นับตั้งแต่ปี 2003


ชัยชนะดังกล่าวทำให้เชฟเฟลอร์กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่คว้าแชมป์ 6 รายการ ก่อนถึงเดือนกรกฎาคม นับตั้งแต่ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ ทำสำเร็จในปี 1962 และถือเป็นแชมป์พีจีเอ ทัวร์ ครั้งที่ 12 ของเชฟเฟลอร์ จากการลงเล่น 126 รายการ



Comments

Popular posts from this blog

ฟีนิกซ์โกลด์ แบงค็อก มอบโปรโมชั่นข้ามปี ทุกวันอาทิตย์หลังเที่ยงวัน

สามสาวไทยจากแอลพีจีเอพร้อมสู้ศึก เคแอลฯ ที่บลูแคนยอนฯ

ฟีนิกซ์ โกลด์ แบงค็อก ร่วมยินดี วิชญ์-ไอแซก จบดีสุด เอเชียน ทัวร์ ควอลิฟายอิ้ง สกูล (เซคชั่น อี)