พีจีเอทัวร์เดือนสิงหาคม “เชฟเฟลอร์” ปิดฉากปีที่รุ่งโรจน์ด้วยแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพ
สิ่งดีที่สุดเกิดขึ้นในการร่วมแข่งขันครั้งที่สาม สำหรับสกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ที่สามารถปิดฉากฤดูกาลสุดมหัศจรรย์ในปี 2024 ด้วยการจารึกชื่อในทำเนียบแชมป์เฟดเอ็กซ์ คัพ และเดอะ ทัวร์แชมเปี้ยนชิพ ทาบสถิติยุคทองของไทเกอร์ วูดส์
ชัยชนะที่สนามอีสเลคกอล์ฟคลับ ถือเป็นแชมป์รายการที่ 7 ของเชฟเฟลอร์ในฤดูกาลนี้ และเขายังคว้าเหรียญทองกอล์ฟโอลิมปิกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยในบรรดา 7 แชมป์ เป็นแชมป์ระดับเมเจอร์รายการ เดอะ มาสเตอร์ส, แชมป์เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ ที่ได้รับการยกย่องเป็น เมเจอร์ที่ 5 ของกอล์ฟชาย รวมถึงแชมป์เฟดเอ็กซ์ คัพ ด้วย ซึ่งทำให้เชฟเฟลอร์กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่คว้าแชมป์ใหญ่ 3 ประเภทนี้ ในปีเดียวกัน และเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่ชนะในพีจีเอทัวร์ 7 รายการในฤดูกาลเดียว นับตั้งแต่ ไทเกอร์ วูดส์ ทำได้เมื่อปี 2007
เชฟเฟลอร์ขึ้นนำในตารางคะแนนเฟดเอ็กซ์คัพ ตลอดช่วง 25 สัปดาห์สุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งมากกว่าสถิติอันดับ 2 ที่วีเจย์ ซิงห์ ทำไว้ถึง 21 สัปดาห์ โดย ซิงห์ ครองตำแหน่งจ่าฝูง 4 สัปดาห์จนจบฤดูกาล ขณะเดียวกันเชฟเฟลอร์ เป็นผู้นำคะแนนสะสมเฟดเอ็กซ์คัพจำนวนรวม 50 สัปดาห์ในการเล่นกอล์ฟอาชีพ มากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจากไทเกอร์ วูดส์ ที่ทำไว้ 85 สัปดาห์
ในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา เชฟเฟลอร์ก็รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนนสะสมเฟดเอ็กซ์คัพ เมื่อเข้าสู่การชิงชัยที่อีสเลคกอล์ฟคลับ แต่ผลการแข่งขันแตกต่างออกไป โดยเข้าป้ายอันดับ 6 ร่วมเมื่อปีที่แล้ว และในปี 2022 พ่ายต่อ รอรี่ แม็คอิลรอย เพียงสโตรกเดียว นอกจากเป็นผู้นำคะแนนสะสมเฟดเอ็กซ์คัพแล้ว เชฟเฟลอร์ยังเข้าสู่การแข่งขันที่แอตแลนต้าในฐานะมือหนึ่งของโลก ซึ่งเขาครองตำแหน่งนี้มาเป็นเวลา 68 สัปดาห์ติดต่อกัน และรวมตลอดการเล่นอาชีพ 103 สัปดาห์ เชฟเฟลอร์ทำผลงานร่วมทำเนียบกับ ดัสติน จอห์นสัน (ปี 2020) จัสติน โรส (ปี 2018) และไทเกอร์ วูดส์ (ปี 2009 และ 2007) ที่เข้าร่วมแข่งขันศึกเพลย์ออฟเฟดเอ็กซ์คัพสนามสุดท้ายของฤดูกาล ในฐานะมือหนึ่งของโลกและได้แชมป์เฟดเอ็กซ์คัพ
แบรดลีย์ คว้าชัยศึกบีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ
คีแกน แบรดลีย์ ต้องการสัปดาห์ที่ยิ่งใหญ่และสมปรารถนาในการแข่งขันรายการบีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ ที่คาสเซิล ไพน์ส กอล์ฟ คลับ ในคาสเซิล ร็อค รัฐโคโลราโด ซึ่งเขาติดท็อป 50 ของตารางคะแนนเฟดเอ็กซ์คัพคนสุดท้ายที่ได้สิทธิ์ร่วมชิงชัย และแบรดลีย์สามารถคว้าแชมป์สมัยที่สองมาครองสำเร็จ โดยนับตั้งแต่มีการแข่งขันเฟดเอ็กซ์คัพเพลย์ออฟ ยังไม่มีนักกอล์ฟคนใดที่คว้าแชมป์ได้เมื่อผ่านเข้ามาร่วมแข่งขันในลำดับสุดท้าย
กัปตันทีมไรเดอร์ คัพ 2025 ยังสร้างสถิติที่น่าสนใจ เมื่อเขาเป็นแชมป์คนที่ 6 ที่เสียโบกี้ในการแข่งขันหลุมที่ 72 แล้วได้แชมป์เฟดเอ็กซ์คัพเพลย์ออฟ และแบรดลีย์ทำแบบนั้นมาแล้วสองครั้งในรายการบีเอ็มเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ ในสนามที่แตกต่างกัน ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2018 ที่สนามอโรนิมิงค์ กอล์ฟ คลับ
ผลงานหลุมสุดท้ายแบรดลีย์ ค่อนข้างตรงข้ามกับหลุมที่ 17 ซึ่งเขาเก็บแต้มได้ 2 อันเดอร์ ในหลุมพาร์ 5 หลุมนี้ตลอดสัปดาห์ มีสถิติ Strokes Gained: Tee-to-Green +.75 และสถิติ Strokes Gained: Approach-the-Green +.58 เป็นสถิติที่ดีกว่าคนอื่นๆ ในสนาม และแบรดลีย์พูดถึงฟอร์มการเล่นช็อตสองที่หลุม 17 ว่า “เป็นช็อตการเล่นที่จะอยู่ในความทรงจำของผมตลอด” เขาตีเหล็ก 5 ระยะ 222 หลา ขึ้นไปออนห่างธง 16 ฟุต ก่อนทำสองพัตต์เบอร์ดี้ และสองช็อตแก้ไขในหลุมสุดท้าย
เส้นทางสู่ชัยชนะที่สนามคาสเซิล ไพน์ส กอล์ฟ คลับ ระยะ 8,130 หลา แบรดลีย์ ทำสถิติตีดีกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ ในสนาม 5.36 สโตรค ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดเป็นอันดับสามของเขาในการแข่งขันรายการเพลย์ออฟเฟดเอ็กซ์คัพ แต่สถิติ Strokes Gained: Putting ในรอบสุดท้ายอยู่ที่ -2.53 สโตรก ซึ่งถือว่าแย่ที่สุดในบรรดาแชมป์รายการเฟดเอ็กซ์คัพเพลย์ออฟ
มัตสึยามะ แชมป์เฟดเอ็กซ์ คัพ เซนต์จู้ด แชมเปี้ยนชิพ
ฮิเดกิ มัตสึยามะ เกือบแพ้ภัยตัวเองช่วง 9 หลุมหลัง ในวันอาทิตย์ศึกเฟดเอ็กซ์ คัพ เซนต์จู้ด แชมเปี้ยนชิพ แต่มาทำเบอร์ดี้ใน 2 หลุมสุดท้าย เอาชนะอดีตแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพอย่าง วิกเตอร์ ฮอฟแลนด์ และซานเดอร์ ชาฟเฟเล ไปสองสโตรก
หลังจากเห็นสกอร์นำห่าง 5 สโตรก เมื่อเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายต้องอันตรธานหายไป โปรกอล์ฟวัย 32 ปีจากญี่ปุ่น มีสโตรคเกนดีกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ 2.36 สโตรก ในสองหลุมสุดท้ายจากสองเบอร์ดี้ติดต่อกัน และคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 10 ในอาชีพ แต่รวม 18 หลุม สถิติ Strokes Gained: Total -1.36 เป็นสถิติที่แย่ที่สุดของแชมป์รายการเฟดเอ็กซ์คัพ เพลย์ออฟ นับตั้งแต่ปี 2007
แต่โดยรวมมีสถิติด้านบวกมากมาย โดยเฉพาะการเล่นบนกรีน หลังจากได้นำพัตเตอร์ Scotty Cameron Craftsman Squareback Tour Prototype มาใช้เป็นครั้งแรก เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกที่ปารีส พัตต์ลงรวมระยะ 435 ฟุต 5 นิ้ว รวมถึงการพัตเบอร์ดี้ระยะ 24 ฟุต ในการแข่งขันที่หลุม 71 และเบอร์ดี้ระยะ 6 ฟุตที่หลุม 72
ระยะพัตต์รวมเป็นอันดับสองของทัวร์ และรั้งอันดับหนึ่งของนักกอล์ฟ 70 คนที่ผ่านเข้าร่วมแข่งขันศึกเพลย์ออฟสนามแรกที่ทีพีซี เซาธ์วินด์ ส่วนสถิติการพัตต์ Strokes Gained: Putting +8.20 คือจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อเทียบกับสถิติการเข้าสู่การแข่งขันรั้งอันดับ 133
ราย ซิวแชมป์พีจีเอทัวร์แรกที่วินด์แฮม แชมเปี้ยนชิพ
สนามเซดจ์ฟิลด์ คันทรีคลับ หนึ่งในผลงานการออกแบบชิ้นเอกของ โดนัลด์ รอส ต้องอาศัยทักษะการเล่นเกมสั้นที่ดี เพื่อคว้าแชมป์ และนั่นคือจุดแข็งของ อารอน ราย ระหว่างการแข่งขันรายการวินด์แฮม แชมเปี้ยนชิพ
โปรกอล์ฟจากอังกฤษ เป็นผู้นำสถิติ Stroke gained: Approach to green อยู่ที่ 8.75 ซึ่งเป็นสถิติที่ตีดีกว่าคู่แข่งในสนามมากที่สุดในอาชีพของเขา และรั้งอันดับ 2 ในรอบสุดท้ายที่ +4.128 สโตรก ขณะเดียวกัน แอรอน ไร รั้งอันดับ 3 สถิติตีออนกรีนส์อินเรกูเลชั่น โดยในรอบแรกออนทั้ง 18 หลุม และสถิติแม่นแฟร์เวย์ อยู่อันดับ 8
แอรอน ราย ลงเล่นแบบมาราธานในวันอาทิตย์ เมื่อต้องจบรอบสองแล้วแข่งต่อรอบสามและรอบสี่ในวันเดียว หลังจากเจอพายุ เฮอริเคน เด็บบี้ ทำให้ต้องเลื่อนรอบแรกไปแข่งวันศุกร์ โปรกอล์ฟจากอังกฤษปิดสกอร์ 64 ในรอบสุดท้าย โดยไม่เสียโบกี้ รวมถึงทำเบอร์ดี้ปิดท้ายในหลุมที่ 72 ท่ามกลางบรรยากาศที่มืด พลิกสถานการณ์จากที่ตามหลังสามสโตรก ขึ้นมาคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ครั้งแรกสำเร็จ
หมายเหตุ: แฟนกีฬากอล์ฟสามารถรับชมการแข่งขันกอล์ฟพีจีเอทัวร์ได้ทาง TrueSports 5 and DAZN ดูข้อมูลเวลาถ่ายทอดการแข่งขันได้ที่ https://tv.trueid.net/th-th/live/truesport-5
เครดิตภาพ: Getty Images
Comments
Post a Comment